Skip to content
" Strength Amidst Storms "
อย่าลืมไป...ว่าใจเราต้องการความชุ่มฉ่ำ
by ทิง ภูมิกิติ (วันนี้เจอนั่น)

ฤดูฝนจะ ‘หล่อเลี้ยงหัวใจ’ ให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง

นานวันไป…เราจะลืมความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจที่ได้จากสายฝน
นานวันไป…ชีวิตในวัยผู้ใหญ่อันแสนยากเย็นจะทำให้เราเผลอมองว่า
การได้กระโดดโลดเต้นอย่างไร้ระเบียบ การได้ตะโกนท้าทายเสียงฟ้าร้องโครมครามอย่างสนุกสนาน
การได้มองเห็นเนื้อตัวซึ่งเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำท่ามกลาง ‘ฤดูฝน’ นั้น
ช่างไร้สาระและไร้ซึ่งความเพอร์เฟ็กต์
แต่วินาทีนั้นเองไม่ใช่หรือที่ทำให้หัวใจเรากระปรี้กระเปร่า คล้ายกันกับดอกไม้อับเฉาบนลำต้น
ที่กำลังจะยอมจำนนต่อโชคชะตา จนกระทั่งได้สัมผัสกับสายน้ำเย็นฉ่ำจึงกลับมาผลิดอกสวยสะพรั่งอีกครั้ง

โปรดยินยอมเปียกปอนและอนุญาตให้ตัวเองได้สนุกกับฤดูกาลที่ควบคุมไม่ได้
เพื่อให้หัวใจอันห่อเหี่ยวได้กลับมาพองโต สดชื่นและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เปียกปอนหรือนอนซม

by บันทึกนึกขึ้นได้

เราชอบมองออกไปนอกหน้าต่างเวลาฝนตก
พลางคิดว่าหลังหน้าต่างในทุกๆ บานนั้น
พวกเขากำลังทำอะไรอยู่

ถ้าฤดูฝนในชีวิต คือช่วงเวลาที่ทำให้เราหยุดชะงัก
เพราะออกไปโลดแล่นกับโลกข้างนอกไม่ได้
เราก็อยากจะเอาเวลาที่รอฝนทั้งหมดที่มี
ใช้มันไปกับการฝึกฝนตัวเองให้พร้อมที่สุด
สำหรับการออกไปรับแสงแดดที่จะส่องมาอีก

แต่ถ้าฝนจะตกตลอดเวลา
เราก็จะทำตัวให้พร้อมกับการออกไปเต้นรำกลางสายฝน
แล้วให้ไฟทุกดวงส่องมาที่เรา

เพราะออกไปข้างนอกก็แค่เปียกปอน
แต่ถ้ายังนอนซมอยู่ข้างใน
เราอาจจมน้ำตาตัวเองแล้วพลาดโอกาสอีกหลายอย่างในชีวิต
ที่ฤดูอื่นอาจไม่เคยให้เราได้ นอกจากฤดูนี้เพียงฤดูเดียว

อยู่ที่ว่าจะมองมันแบบใด

by Colorlesswolf

ใบหน้าเธอดูเศร้าหมอง
อาจเพราะมองไม่เห็น
ความสว่างของท้องฟ้า

ผู้คนมักเปรียบเปรย
ให้เมฆฝนคือตัวแทนของความทุกข์
ฟ้าแจ่มใสคือตัวแทนของความสุข

แต่กระนั้น มีความจริงอีกฝั่ง
ฝนตกลงมาให้ความชุ่มฉ่ำแก่ผืนดิน
รากพืชดูดซึมน้ำฝนขึ้นมาเป็นอาหาร
เติบโตจนเป็นร่มเงาให้มากกว่าใบไม้ที่เธอกำลังถืออยู่

แค่ลอง มองหามุมนั้นให้เจอ
เธอก็จะมีความสุขได้ ในขณะปัจจุบัน

หล่น

by คิ้วต่ำ

สายฝนเหมือนปัญหา เมื่อผ่านไปได้ บางอย่างจะเติบโต

ยิ่งฝนตกหนักเท่าไร ฟ้าหลังฝนยิ่งสดใสมากเท่านั้น

ฝนที่ตกในใจ ไม่มีพยากรณ์อากาศที่ไหนรู้ก่อนได้เลย

หลบฝนด้วยกันไหม ถ้าฝนหยุดเมื่อไร จะจากไป ก็ไม่ว่ากัน

หญิงสาวแค่อยากบอกว่า ไม่ต้องกลัวนะ เราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปกัน

อย่าเก็บสะสมทุกอย่างที่แย่ๆไว้ จนข้างในมันพังนะ

ร่มที่ดีของหัวใจ คือการรักตัวเอง

เสียงของสายฝน เหมือนกับตอนไปทะเลเหมือนกันนะ เหมือนมันกำลังบอกเราว่า ซู่ๆ

แด่ การเรียนรู้และเติบโต

by Imminimus

เมื่อฤดูฝนมาถึง
ใครบางคนอาจรู้สึกชุ่มฉ่ำ
ใครบางคนอาจรู้สึกเปียกปอน

ใครบางคน
อาจเป็นสายฝนที่คาดเดาไม่ได้
บางทีอาจทำให้รู้สึกสดชื่น
บางครั้งอาจทำให้รู้สึกเหงา
บางทีอาจทำให้รู้สึกสุขใจ
แต่บางครั้งกลับทำให้รู้สึกเศร้า
แต่ทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร

สะสมความสุขใจ
ไว้เป็นประสบการณ์
สะสมความเศร้าใจ
ไว้เป็นภูมิต้านทานและบทเรียน

แค่เพียงช่วงเวลาหนึ่ง

by ไอ่เป็ด

‘ วันนี้ฝนตกหนักใช่ไหม เธอคงกังวลใจว่าร่มในมือจะรับไหวหรือเปล่า คงจะมีเม็ดฝนที่พัดพามาโดนตัวเธอไปบ้าง ซึ่งร่มคันนั้นจะป้องกันเธอได้ดี ในสถานการณ์แบบนี้ เธอคงจะหนาว อาจจะรู้สึกเหงา และทำให้เธอเกิดความกลัว แต่อยากให้เธอรู้ไว้ว่า มันก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อฝนผ่านพ้นไป ท้องฟ้าที่สดใสจะเป็นของเธอ ‘

ฤดูฝนไม่เคยยาวนาน

by ความฝัน

เพราะสายฝนส่งผลกระทบโดยตรงต่อหัวใจ ฤดูฝนฉ่ำจึงทำให้ใครหลายๆคนไร้เดียงสาต่อความรู้สึกเดียวดายเสมอ..

พายุจึงโหมกระหน่ำภายในตัวเรารุนแรงกว่าภายนอกที่ตาเห็น ฝนพายุนั้นเองจึงสอนให้เราให้อดทนเพื่ออยู่กับตัวเองในเวลาที่ท้องฟ้าไม่เป็นใจ กอดตัวเองแน่นๆในวันที่ฟ้าครึ้ม รักตัวเองในวันที่พายุลมแรง

อย่างไรก็ตาม แม้ต้องเปียกปอนขนาดไหน ขอให้เปียกปอนจากสายฝนมากกว่าเปียกปอนจากหยาดน้ำตา เพราะห้วงเวลาที่ฝนพายุดำเนินไปนั้นไม่เนิ่นนาน สักพักสายรุ้งก็เดินทางมาถึงแล้ว

Rainy

by Once

ความเศร้าคงจะกัดกินยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันของฉัน เว้นเสียแต่ว่าฉันยังต้องแบ่งปันเวลาบางส่วนให้กับการทำงาน กิน ดื่ม
ขับถ่าย เข้านอน และเริ่มต้นวันใหม่อีกครั้ง พอมันเกิดขึ้นซ้ำๆ ฉันก็ชักจะเบื่อหน่าย เบื่อหน่ายที่ตัวเองเศร้า
และเอาแต่ขับเคลื่อนแต่ละวันราวกับคนสิ้นหวังกับชีวิตไปซะทุกเรื่องทุกราว ฉันจึงเริ่มต้นแบ่งปันเวลาบางส่วน ให้กับการเดินช้าๆ
(บนพื้นทางเท้าที่ยอดแย่) พูดคุยกับคุณป้าที่ขายลอตเตอรี่ (แม้ว่าฉันจะไม่ได้ซื้อ) ใช้ชีวิตให้ช้าขึ้น คิดให้ช้าขึ้น
พยายามและอดทนให้มากขึ้น

เอ่อ… แต่ความเคว้งคว้างพวกนี้เป็นสิ่งที่น่าอึดอัดชะมัด ฉันไม่กล้าที่จะเศร้า ไม่กล้าที่จะรู้สึก ไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง
หรือแม้แต่ความไม่จริง ก็ไม่กล้านึกถึง ในขณะที่หลอดพลังงานของฉันเริ่มแจ้งเตือน และปรับสมดุลตัวเองเข้าสู่โหมดพลังงานต่ำ
เธอน่าจะพอมองเห็นร่องรอยความอ่อนล้าที่ปรากฎอยู่บนร่างกาย สายตา น้ำเสียง หรือ แม้แต่จังหวะการก้าวเดิน (แค่เพียงสังเกต)

กล้ามเนื้อหัวใจของฉันยังคงทำงานอยู่เป็นอัตโนวัติ การขยับตัวของชีพจรที่ช่วงลำคอจนถึงหน้าอก คอยบอกว่า
“ฉันยังไม่ตาย” และยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความยุ่งยาก ท่ามกลางความรู้สึกที่ว่างเปล่า ให้ห้องที่ว่างเปล่า ในบรรยากาศที่ว่างเปล่า
ฉันพยายามหาวิธีที่จะผ่านเรื่องเศร้า โดยที่ไม่รู้สึกเศร้า หรืออย่างน้อยก็เศร้าให้น้อยที่สุด
(แม้ว่าฉันไม่แน่ใจว่าความรู้สึกหดหู่พวกนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของอำนาจจิตใจหรือเปล่าก็เถอะ)

ในระหว่างที่ฉันพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหาคำตอบ ฉันกลับพบว่า การกดตัวเองไม่ให้เจ็บปวด ไม่ให้รู้สึกรู้สา ไม่ให้อ่อนแอ
คือ การก่อสร้างความโศกเศร้าที่มีรากฐานมั่นคงแข็งแรง และเลวร้ายเข้าขั้นมหันตภัย “ปล่อยมันไปเถอะ, ฝนมันคงไม่ตกทั้งปีหรอก”

Sadness seems to gnaw at me twenty-four hours a day. Except that I still have to allocate some time for work, eating, drinking, sleeping, and starting a new day again. As it happens repeatedly, I become somewhat numb, numb to the sadness that clings to me, and I keep moving through each day as if I am a hopeless person in life in every way. So, I start to allocate some time for walking slowly (on the terrible sidewalk), talking to the lottery vendor (even if I don’t buy any), living slower, thinking slower, and trying to be more patient.

Oh, but these empty feelings are so suffocating. I do not dare to be sad, do not dare to feel, do not dare to accept the truth or even the falsehood, do not dare to think, while my energy tubes are warning, and adjust myself into a low-energy mode. Maybe you can see the traces of exhaustion on body, gaze, voice, or even the rhythm of steps (just paya little attention).

The muscle of my heart still works automatically, the pulse from neck to chest tells me, “I’m still alive,” and still alive amidst the difficulties. In the midst of feeling empty, in an empty room, in an empty atmosphere, I try my best to find a way out of sadness without feeling sad or at least feeling less sad (though I’m not sure if these feelings are beyond the control of the mind or not).

As I try my best to find the answers, I found that pressing oneself to avoid pain, not feeling anything, and not feeling weak is constructing a firm sadness and dangerous deep down. “just leave it, the rain may not fall all year”.